วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Control Panel

คอนโทรลพาเนล (Control Panel) ของ Hosting คืออะไร

            Control Panel (คอนโทรลพาเนล) หมายถึงระบบหน้าจอสำหรับควบคุม ซึ่งในกรณีของ Hosting นั้น ก็จะเป็นระบบที่ใช้งานเพื่อควบคุมส่วนต่าง ๆ ของพื้นที่ Hosting ที่เราใช้บริการอยู่ โดย Control Panel ที่ทาง Naxza Web Hosting เลือกใช้งานนั้นจะเป็น Control Panel ชือว่า DirectAdmin ซึ่งจะทำงานผ่าน Port 2222 ตรงนี้เองที่ทางท่านลูกค้าบางท่านอาจจะประสบปัญหาในการใช้งาน ซึ่ง Internet หรือ Network ขององค์กรอาจจะมีการ Block Port 2222 เอาไว้ วิธีการแก้ไขอาจจะต้องแจ้งทางผู้ดูแลระบบ Network ให้ทำการ Allow Port หรือเปิด Port 2222 

Control Panel Hosting สามารถที่จะทำการแก้ไขรหัสผ่านต่าง ๆ เช่นรหัสผ่านของการเข้าระบบ Control Panel โดยครั้งแรกทางเราจะจัดส่ง User และ Password ให้ จากนั้นทางลูกค้าจะสามารถ Login ผ่านเข้าระบบ Control Panel Hosting ได้ และสามารถแก้ไขรหัสผ่านได้เอง ไม่ว่าจะเป็นรหัสผ่านในส่วนของ E-mail Account ต่าง ๆ รวมถึงสามารถเพิ่มเติมชื่อ E-mail Account ได้ไม่จำกัด สามารถกำหนดปริมาณการใช้งานของแต่ละ E-mail Account ได้ สามารถกำหนด User และ Password ของ FTP เพื่อใช้ในการ upload และ download ข้อมูลต่าง ๆ สามารถจัดการฐานข้อมูล MySQL ผ่านโปรแกรม PhpMyAdmin ได้ สามารถสร้างเงื่อนไขการกรอง Spam Mail หรือ Anti Spam Mail Filtering ได้ด้วยตัวเอง 

Control Panel

Control  Panel
1.  คอนโทรลพาเนล (Control  Panel)
            คอนโทรลพาเนล  คือ  แผงควบคุม  ใช้สำหรับปรับค่าต่าง ๆ ที่ใช้ในวินโดวส์และแต่ละไอ      คอนในคอนโทรลพาเนล  จะปรับแต่งค่าไม่เหมือนกันซึ่งการปรับแต่งคอนโทรลพาเนลมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.1  การเปิดใช้  Control  Panel
            1.  คลิกปุ่ม  Start   เลือก   Control  Panel
            2.  จะปรากฏหน้าต่าง  Control  Panel  แบบ   Category  View  จะมีลักษณะที่แยกตามกลุ่มของการปรับแต่งคอนโทรลพาเนล
            3.  ถ้าต้อกงารเปลี่ยนหน้าต่าง  control  panel  ให้เป็นแบบ  Classic  View  ให้คลิกที่  Switch  to  Classic  Veiw  ทางด้านซ้าย
            4.  หน้าต่าง  Control  Panel  ก็จะเปลี่ยนหน้ามาไปเป็นแบบ  Classic  View  จะทำให้มองเห็นไอคอนต่าง ๆ  ได้มากกว่า  แบบ  Category  View
            5.  ถ้าอยากเปลี่ยนไปใช้แบบ  Category  View  ให้คลิกที่  Switch  to  Category  View  หน้าตาของ control  panel  จะกลับมาเป็นแบบ  Category  View  เหมือนเดิม
2.  การปรับแต่งเมาส์
2.1  การปรับแต่งการคลิกเมาส์
            1.  บนหน้าต่าง  Control  Panel  ดับเบิ้ลคลิกไอคอน  Mouse
            2.  คลิกแท็ป  Buttons
            3.  Buttons  configuration  ถ้าเราคลิกเลือกให้มีเครื่องหมายถูกในช่องนี้จะสลับปุ่มการทำงาน  ซ้าย – ขวา  ของเมาส์
            4.  Double  Click  speed  ปรับความเร็วในการดับเบิ้ลคลิกว่าจะให้ช้า (slow)  หรือเร็ว (Fast)
            5.  Click  Lock        ถ้าเราคลิกเลือกให้มีเครื่องหมายถูกในช่องนี้  สามารถคลิกลากโดยไม่ต้องคลิกเมาส์ค้างไว้  เมื่อเราต้องการปล่อยให้คลิกเมาส์อีกครั้ง
            6.  Test  area  เป็นพื้นที่ทดสอบการใช้เมาส์ขณะที่เราปรับแต่ง
            7.  เมื่อทำการปรับแต่งเสร็จแล้วคลิกปุ่ม  OK
2.2  การปรับแต่งความเร็วในการเลื่อนเมาส์
            1.  บนหน้าต่าง  control  panel  ดับเบิ้ลคลิกไอคอน  Mouse
            2.  คลิกแท็ป  Pointer  Options
            3.  Motion  ปรับระดับความเร็วในการเลื่อนเมาส์
            4.  ถ้าเราคลิกเลือกเครื่องหมายถูกในช่องนี้  เมื่อเราเลื่อนเมาส์เข้าไปในไดอะล็อกบ็อกซ์ให้เมาส์ชี้ปุ่มที่เป็น  Default  โดยอัตโนมัติ  ทำให้เลื่อนเมาส์น้อยลง
            5.  ปรับความยาวของเงาขณะที่ลากเมาส์
            6.  ถ้าคลิกเลือกเครื่องหมายถูกในช่องนี้  เมาส์จะถูกซ่อนขณะที่พิมพ์ข้อความ
            7. ถ้าคลิก   เลือกเครื่องหมายถูกในช่องนี้     ในกรณีที่มองหาเมาส์ไม่เจอ จะสามารถแสดงตำแหน่งของเมาส์ได้เมื่อเรากด  Ctrl
            8.  เมื่อทำการปรับแต่งเสร็จแล้วคลิกปุ่ม  OK
3.  การปรับแต่งคีย์บอร์ด
1.  บนหน้าต่าง Control  Panel  ดับเบิ้ลคลิกไอคอน Keyboard
2.  คลิกแท็ป  Speed
3.  ปรับช่วงเวลาขณะที่เรากดคีย์บอร์ดค้างไว้ก่อนที่ตัวอักษรจะซ้ำ
4.  ปรับเวลาเมื่อกดคีย์บอร์ดค้างไว้แล้วจะให้ตัวอักษรที่ขึ้นซ้ำมีความเร็วแค่ไหน
5.  ช่องนี้ใช้สำหรับทดลองกดคีย์บอร์ด
6.  ปรับความเร็วในการกระพริบของเคอร์เซอร์
7.  เมื่อปรับแต่งเสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม  OK
4.  การดูข้อมูลสเป็คของเครื่อง
          การเข้าดูข้อมูลสเป็คของเครื่องทำให้เราสามารถรู้เบื้องต้นว่าเครื่องของเราสเป็คอะไร ซึ่งการเข้าดูจะเป็นการบอกสเป็ค    มีรายละเอียดดังนี้
1.   บนหน้าต่าง  Control  Panel  ดับเบิ้ลคลิกไอคอน  System
2.  คลิกแท็ป  General
3.  System  เป็นส่วนที่บอกว่าเป็นเครื่องรุ่นใด  Home  Editor  หรือ  Proferessional
4.  Registered  เป็นส่วนที่บอกชื่อผู้ใช้หรือหน่วยงานและรหัสผลิตภัณฑ์
5.  Computer  เป็นส่วนที่บอกสเป็กของเครื่องมี  CPU  ความถี่  และความจุ  RAM
6.  คลิกปุ่ม  OK
5.  การตั้งค่าวันที่ เวลา  และ Fime  Zone
          เราสามารถปรับตั้งวันที่เวลาและ Time  Zone  ได้  การปรับตั้ง  Time  Zone  ต้องปรับให้ตรงกับประเทศของเราจึงจะได้เวลาที่ถูกต้องตามมาตรฐาน  มีรายละเอียดดังนี้
1.  บนหน้าต่าง  Control  Panel  ดับเบิ้ลคลิกไอคอน  Date  and  Time
2. จะปรากฏหน้าต่าง  Date  and  Time  Properties
3.  ตั้งค่าเดือน
4.  ตั้งค่าปี
5.  ตั้งค่าวัน
6.  ตั้งค่าเวลา
7.  คลิกแท็ป  Time  Zone
8.  คลิกเลือกเขคเวลา ของเราเลือก  (GMT+07.00)Bangkok,Honoi,Jakarta
9. คลิกปุ่ม  OK
6.  โปรแกรมในวินโดวส์  XP
         โปรแกรมในวินโดวส์  XP  จะกล่างถึงโปรแกรมบางโปรแกรมที่อยู่ใน  Accessories   โปรแกรมที่มีความจำเป็น หรือใช้งานบ่อยเท่านั้น
6.1  การเข้าใช้งานโปรแกรม
1.  คลิกปุ่ม  Start  เลือก  All Programs
2.  เลือก  Accessories
3.  ก็จะพบโปรแกรมใช้งานอยู่ใน  Accessories 
6.2  Accessbility
              โปรแกรมในกลุ่มนี้จะเป็นโปรแกรมที่ช่วยปรับวินโดวส์ให้เหมาะกับการใช้งาน และเป็นโปรแกรมที่ปรับวินโดวส์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่พิการอีกด้วยมีโปรแกรมย่อยดังนี้
1.  Accessibility  Wizard  เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการปรับแต่งการมอง   การฟัง  และการเคลื่อนไหว
2.  Magnifier  เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการขยายหน้าตาของวินโดวส์ให้ใหญ่ขึ้นกว่าปกติ
3.  Narrator  เป็นโปรแกรมที่ช่วยอธิบายส่วนต่าง ๆ  บนหน้าจอบริเวณที่เมาส์ชี้อยู่  แต่ออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น  สำหรับผู้มีปัญหาทางด้านสายตา
4.On - Screen Keyboard      เป็นโปรแกรมที่แสดงแป้นคีย์บอร์ดบนหน้าจอ เพื่อให้ผู้ที่ไม่สามารถกดคีย์บอร์ดใช้เมาส์    คลิกปุ่มคีย์บอร์ดบนหน้าจอแทน
5.  Utility  Manager  เป็นโปรแกรมที่ช่วยการปิดหรือเปิดโปรแกรม  Magnifier, Narrator  และ  On – Screen  Keyboard  ทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
6.3  Communications  Folders
             Communications  Folders   เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการเชื่อมต่ดกับอินเตอร์เน็ต  เครือข่ายต่าง ๆ  หรือต่อกับผู้ใช้คนอื่นที่อยู่ในระบบ Network  ได้อีกด้วย  มีโปรแกรมต่าง ๆ ดังนี้
1.  Hyper  Terminal  เป็นโปรแกรมสื่อสารที่ผ่านทางสายโทรศัพท์  เพื่อติดต่อกับเครื่องอื่น
2.  Network  Connections  เป็นโปรแกรมที่ใช้ปรับการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ
3.  Network  Setup  Wizard  เป็นโปรแกรมช่วยสร้างการเชื่อมต่อหรือติดตั้งระบบเน็ตเวิร์กต่าง ๆ
4.  New  Connection  Wizard  เป็นโปรแกรมที่ช่วนสร้างการเชื่อมต่ดเน็ตเวิร์กใหม่
5.  Remote  Desktop  Connection  เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ก  เพื่อทำการควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์
6.4  Entertainment  Folder
                 Entertainment  Folder   เป็นกลุ่มของโปรแกรมที่ใช้ในการดูหนังฟังเพลง  เกี่ยวกับไฟล์เสียงและวีดีโอ  ซึ่งมีโปรแกรมต่าง ๆ  ดังนี้
1.  Sound  Recorder  เป็นโปรแกรมที่ใช้บันทึกเสียง
2.  Volume  Control  เป็นโปรแกรมที่ใช้ปรับความดับของเสียงและปรับความสมดุล  ซ้าย - ขวา
3.  Windows  Media  Player  เป็นโปรแกรมที่ใช้เล่นไฟล์มัลติมีเดียต่าง ๆ เช่น  การเล่นแผ่น VCD  คาราโอเกะ  เป็นต้น
6.5  System   Tools  Folder
            System   Tools  Folder    เป็นกลุ่มของโปรแกรมทีใช้ในการบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์
  ซึ่งมีโปรแกรมต่าง ๆ  ที่จำเป็นดังนี้
1.Disk  Cleanup เป็นโปรแกรมที่ใช้ลบไฟล์ที่ไม่ใช้เพื่อทำให้พื้นที่ใน ฮาร์ดดิสก์
ของเราเพิ่มขึ้นอีกด้วย
2. Disk   Defragmenter เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการจัดพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์
 เพื่อทำให้เครื่องของเราทำงานเร็วขึ้น
6.6  Address  Book
                 Address  Book        เป็นโปรแกรมที่ใช้ใส่และจัดการข้อมูลที่เป็นชื่อ
   หรือที่อยู่และอีเมล์แอดเดสของผู้ที่เราต้องการจะติดต่อ  จะใช้ร่วมกับโปรแกรม  Outlook  Express
    6.7  Calculator
             Calculator  เป็นโปรแกรมเครื่องคิดเลข  ใช้สำหรับคิดเลขทั่ว ๆ ไป
และยังสามารถคำนวณเลขขั้นสูงกว่าการ  บวก  ลบ  คูณ หาร ธรรมดาได้อีกด้วย
 6.8  NotePad
            NotePad  เป็นโปรแกรมที่ใช้แก้ไขไฟล์ที่เป็นข้อความธรรมดา  (Text  editor)
 ซึ่งไม่สามารถจัดรูปแบบข้อความได้  แต่สามารถเปลี่ยนขนาด  และรูปแบบ  ของตัวอักษร(Font)  ได้
6.9  Paint
            เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการวาดภาพ  ตัดภาพอย่างง่ายเช่นการวาดรูปวงกลม  สี่เหลี่ยม
 การใส่สีต่าง ๆ  และยังสามารถจัด  หมุนภาพตกแต่งภาพได้อีกด้วย
6.10  WordPad
              เป็นโปรแกรมเวิร์ดโพรเซสเซอร์ที่มีความสามารถขั้นพื้นฐานทั่วไป ส่วนมากจะใช้ในการพิมพ์งานหรือรายงานและยังสามารถเปิดไฟล์ของ  Microsoft  Word
ขึ้นมาใช้งานได้อีกด้วย

Control Panel

ข้ามมาที่ฟีเจอร์คู่บุญของวินโดวส์อย่าง Control Panel กันบ้าง ช่วงหลังๆ (ถ้าจำไม่ผิดตั้งแต่ XP) ไมโครซอฟท์หันมาเรียงตัวเลือกใน Control Panel ตามหมวดหมู่ ผลที่ตามมาคือ “หาอะไรไม่ค่อยเจอ” ซึ่ง Windows 7 ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกันสักเท่าไร
หลายคนแก้ปัญหาโดยการปรับให้มันแสดงแบบไอคอน แต่หลังๆ นี่คงไม่ไหวแล้วมั้ง ตอนนี้ Control Panel ของ Windows 7 มีตัวเลือกเกือบ 50 อัน เรียงยังไงก็คงดูยาก 
ทางแก้คือ search มันเลยครับ เดี๋ยวนี้เขาพัฒนาแล้ว หาอะไรก็เจอ จากภาพจะเห็นว่าผลการค้นหาไม่ได้แสดงเฉพาะไอคอน แต่แสดงตัวเลือกที่อยู่ในไอคอนแต่ละอันของ Control Panel ให้ด้วย
ฟีเจอร์นี้คู่แข่งอย่าง Mac OS X ทำได้ใน 10.4 Tiger พร้อมกับฟีเจอร์ Spotlight ฝั่งวินโดวส์เริ่มทำได้ตอน Vista ตอนแรกยังไม่สมบูรณ์ทั้งคู่ (ค้นไม่ค่อยเจอ, ช้า) แต่ตอนนี้เข้าสู่สถานะที่ใช้งานได้จริงแล้ว
Control Panel ของ Windows 7 เพิ่มตัวเลือกใหม่ๆ ให้อีกหลายอัน เช่น Location and Other อันนี้เป็นจุดเปลี่ยนเล็กๆ ของ Windows 7 ครับ หลายๆ คนน่าจะจำหน้าจอ Add/Remove Programs ได้ว่ามันจะมีหน้าจอย่อยสำหรับปรับแต่งองค์ประกอบของวินโดวส์ (เช่น เกม หรือ Accessories) ใน Vista มันถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Windows Features แต่หน้าที่ยังเหมือนเดิม
พอมาถึง Vista ไมโครซอฟท์ปรับโฉมหน้าตาให้มันเป็น Aero และเพิ่มฟีเจอร์ด้านป้องกันมัลแวร์เข้ามาให้ (รวมเข้ามาจาก Windows Defender) แต่แนวคิดหลักไม่มีอะไรเปลี่ยน
ใน Windows 7 ไมโครซอฟท์ขยายขอบเขตความรับผิดชอบของมันออกไป จากที่เคยดูแลเฉพาะด้านความปลอดภัย ก็รวมเรื่องการแก้ปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ ของคอมพิวเตอร์ เช่น ไดรเวอร์ของฮาร์ดแวร์ และการแบ็คอัพ เข้ามาด้วย ชื่อของมันเลยเปลี่ยนเป็น
Windows Action Center
ไอคอนของ Windows Action Center เป็นรูปธงสีขาว ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นในระบบจะแสดงรูปกากบาทสีแดงประกอบให้เห็น
เมื่อคลิกที่ไอคอนจะแสดงหน้าต่างของ Windows Action Center ดังภาพ จะเห็นว่ามันถูกแบ่งเป็นส่วน Security กับ Maintenance และใช้โค้ดสีบ่งบอกถึงความร้ายแรงของปัญหาคำเตือนให้ลงโปรแกรมแอนตี้ไวรัสยังมีอยู่เช่นเดิม (เมื่อกดปุ่มแล้วจะเข้าไปยังหน้าWindows 7 consumer security software providers) ส่วนคำเตือนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์ มักเป็นเรื่องไดรเวอร์ ซึ่งมันจะขึ้นเตือนเวลามีฮาร์ดแวร์ใหม่แต่หาไดรเวอร์ไม่พบ หรือพบไดรเวอร์เวอร์ชันใหม่ (เรื่องไดรเวอร์และฮาร์ดแวร์ ผมจะเขียนถึงในตอนถัดๆ ไป) ไมโครซอฟท์เลือกใช้คำว่า “solution” สำหรับข้อความชนิดนี้
จากนั้นเวลาเอา USB drive ไปเสียบ ก็จะเห็นไอคอนกุญแจดังภาพ (ซ้ายคือยังไม่ได้ปลดล็อค ขวาคือปลดล็อคแล้ว)

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

กลุ่มอาการเสียของคอมพิวเตอร์

กลุ่มอาการเสียของคอมพิวเตอร์
ลักษณะอาการเสียของเครื่องคอมพิวเตอร์ เราสามารถแบ่งได้เป็น 5 กลุ่มอาการ ดังนั้นในการตรวจหาสาเหตุของอาการเสีย ก็ให้ดูว่าเป็นอาการเสียที่อยู่ในกลุ่มใดดังนี้

1. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องจากเสียง Beep Code
      ทุก ๆ ครั้งที่คุณเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรก ก็จะได้ยินเสียง ปี๊ป ดังสั้น ๆ 1 ครั้ง แล้วเครื่องก็จะทำงานต่อตามปกติ แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณได้ยินสียงมากกว่า 1 ครั้ง หรือมีเสียงดังยาว ๆ จากนั้นเครื่องก็หยุดนิ่ง ก็ทำใจไว้ได้เลยว่าเครื่องของคุณมีปัญหาแล้ว เมื่อคุณเจออาการแบบนี้ให้รีบปิดเครื่องทันที เพราะตราบใดที่เครื่องยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะไม่สามารถใช้งานเครื่องได้จนกว่าจะแก้ปัญหาเสียก่อน เสียงปี๊ปที่เราได้ยินนี้จะถูกเรียกว่า Beep Code ซึ่งจะมีจำนวนครั้งไม่เท่ากัน และมีเสียงดังสั้นบ้างยาวบ้าง ลักษณะของเสียงที่แตกต่างกันนี้เองที่บอกเราว่า อุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหา ดังนั้นถ้าเจอปัญหาลักษณะนี้ก็ต้องลองฟังให้ดีว่า ดังกี่ครั้ง สั้นยาวแบบไหน แล้วนำไปเทียบดูในตารางไบอสตามยี่ห้อของไบออส เพื่อจะรุ้ว่าอะไรคือต้นเหตุ แล้วจะได้หาทงแก้ไขต่อไป

2. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องโดยดูจากข้อความที่แจ้งบนหน้าจอ
      การแจ้งปัญหาหรือความผิดปกติที่เครื่องตรวจพบด้วยข้อความบนหน้าจอ ซึ่งเราเรียกว่า Message Error นับป็นการแจ้งปัญหาอีกแบบหนึ่งที่มีประโยชน์ เพราะเราสามรถรู้ปัญหาได้ทันทีว่าอปกรณ์ตัวไหนทำงานผิดปกติ หรือไม่ก็รู้ว่าการทำงานส่วนใดมีปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางในการแก้ปัญหาที่ง่ายขึ่น ตัวอย่างของข้อความที่ปรากฎให้เห็นบนหน้าจอบ่อย ๆ อย่างเช่น
CMOS checksum Error
CMOS BATTERY State Low
HDD Controller Failure
Diskplay switch not proper
    ดังนั้นถ้าคุณพบว่าเครื่องได้แจ้งปัญหาให้ทราบก็ให้รับหาทางแก้ไขโดยด่วน แต่ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ก็ให้จดข้อความบนหน้าจอไว้ เพื่อเอาไว้สอบถามผู้ที่สามารถให้คำแนะนำได้หรือเอาไวให้ช่างที่ร้านซ่อมดูก็ได้ เพื่อให้การตรวจซ่อมทำได้เร็วขึ้น

3. ตรวจสอบอาการเสียโดยดูจากความผิดปกติของเครื่องที่สามารถสังเกตุ 
    วิธีนี้คงต้องใช้ทักษะ ความรู้ และความชำนาญมากกว่า 2 แบบแรก เพราะจะเป็นอาการที่เครื่องไม่ได้มีอะไรแจ้งให้เราทราบเลยว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหาหรือเสียหาย มีแต่ความผิดปกติที่เราสามารถสังเกตุได้ทางกายภาพ อย่างเช่น เปิดสวิตซ์แล้วไฟไม่ติด , เสียบปลั๊กแล้วเครื่องก็เปิดทันที , เปิดใช้เครื่องได้ไม่ถึง 5 นาที ระบบก็ล่ม เป็นต้น จะเห็นว่าอาการดังกล่าวนี้เครื่องไม่ได้แจ้งอะไรให้เราทราบเลยนอกจากอาการผิดปกติที่เรารับรู้ได้ ดังนั้นในการแก้ปัญหาในลักษณะนี้จึงจะต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์หรือช่างผู้ชำนาญ จึงจะสามารถวิเคราะห์ตรวบสอบ และทำการซ่อมแซมแก้ปัญหาได้

4. ตรวจสอบอาการเสียที่เราสามารถระบุอุปกรณ์ได้เลย 
    ปัญหาแบบนี้จะเป็นกับอุปกรณ์ที่เราใช้อยุ่เป็นประจำแต่ถ้าอยุ่ ๆ ไม่สามารถทำงาน หรือทำงานได้ไม่ดี เราก็รู้ได้ทันทีว่าอะไรเสีย อย่างเช่น ไดรว์ซีดีรอมไม่ทำงาน ภาพบนจอสั่นหรือกระพริบ ไดรว์ A ไม่ยอมอ่านแผ่น เป็นต้น จะเห็นว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติของอุปกรณ์ชิ้นนั้น ๆ โดยตรง การตรวจสอบหรือตรวจเช็คจึงทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยากเหมือน 3 แบบที่ผ่านมา

5. ตรวจสอบอาการเสียที่เกิดจากการอัพเกรดอุปกรณ์ ไปจนถึงการปรับแต่งเครื่อง 
    สิ่งที่ทำให้เครื่องเกิดปัญหาอีกอย่างก็คือ การเพิ่มเติม ปรับเปลี่ยนหรือปรับแต่งอุปกรณ์บางตัวก็ทำไห้เกิดปัญหาได้อีกเหมือนกัน เช่น อัพเกรดแรมแล้วเครื่องแฮงค์ Overclock ซีพียูจนไหม้ , ปรับ BOIS แล้วเครื่องรวน เป็นต้น จะเห็นว่าในสภาพเครื่องก่อนกระทำใด ๆ ยังทำงานได้ปกติอยุ่ แต่หลังจากที่มีการอัพเกรดหรือปรับแต่งเครื่องแล้วก็มีปัญหาตามมาทันที แล้วคุณจะทำอย่างไร ????? บีคอมมีคำตอบให้คุณ

ตัวอย่างอาการเสียของจอคอมพิวเตอร์
- สีเพี้ยน
ลักษณะอาการคือสีไม่ตรงตามสีที่ควรจะเป็นเช่นไม่มีสีแดงไม่มีสีเขียวหรือไม่มีสีฟ้า อาการนี้มักจะเกิดจากลายปริ้นซ์บริเวณ Socket คอหลอดหลุดร่อนครับเพราะว่าเวลาที่วงจรส่วนนี้ทำงานนั้นมีไฟเลี้ยงมากกว่า 100 โวท์ลครับหรือไม่ก็ พวกทรานซิสเตอร์ หรือ ไอซี ที่เป็นภาค RGB Drive หรือ RGB Amp ชอร์ทเสียครับ แต่อีกสาเหตุหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือสาย DSUB หรือสาย VGA ขาดครับ

- ไฟเข้าสัญญานภาพมาแต่ภาพไม่ขึ้น
ลักษณะอาการคือไฟเข้าสังเกตได้จากไฟ LED ที่กระพริบอยู่บางรุ่นก็จะไม่กระพริบครับอันนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ อาการนี้มีสาเหตุหลายอย่างครับเริ่มจาก FET ที่ทำหน้าที่ Lach ไฟเลี้ยงให้ FBT ชอร์ท โดยมากจะเป็นเบอร์ IRF630จึงทำให้เครื่องสั่ง Protection อยู่สังเกตได้จากไฟ LED จะกระพริบครับ อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ ตัวต้านทาน ที่ทำหน้าที่จ่ายไฟเลี้ยงให้ FET หรือ FBT ขาด อันนี้ต้องวัดไฟเลี้ยงหรือถอด ตัวต้านทานมาวัดในกรณีที่ FET ไม่มีไฟเลี้ยงครับ อีกสาเหตุยอดฮิตก็คือ ทรานซิสเตอร์ Horizoltal Output ชอร์ท หรือ รั่วครับ ทรานซิสเตอร์ตัวนี้มีสองแบบครับจึงมีวิธีวัดต่างกัน คือแบบที่มี Damper Diode และแบบที่ไม่มี Damper Diode แบบที่ไม่มี แดมป์นั้น วิธีการวัดเหมือนทรานซิสเตอร์ทั่วไป มีอยู่ด้วยกันหลายเบอร์ครับ เช่น BU2508 AF ส่วนแบบที่มี แดมป์นั้นจะมีไดโอด ต่ออยู่ระหว่างขา Emittor และขา Colecttor โดย จะต่อ อาโนด ที่ขา E และต่อ คาโธด ที่ขา C ตัวอย่างเช่นเบอร์ BU2508DF และอีกสาเหตูหนึ่งที่หนักเอาการเลยก็คื FBT เกิดการชอร์ทรอบขึ้นครับ

- มีเส้นแนวนอนเส้นเดียวกลางจอ
อาการนี้เกิดจากภาคขยายสัญญานแนวตั้งชำรุดครับไม่ว่าจะเป็น ไอซี Vertical เสียหรือว่า Yoke Vert ใหม้หรือชอร์ท หรือบางครั้งก็อาจจะเกิดจากภาคจ่ายไฟที่จ่ายไฟไปเลี้ยงภาค Vert จำพวกไดโอด Rectiflier หรือว่าจะเป็นตัวบรรดาต้านทานทั้งหลาย

- สีเลอะ
อาการนี้เกิดจากสนามแม่เหล็กตกค้างก่อนอื่นเราต้องสังเกตก่อนว่าสีเลอะแบบเบลอๆ หรือเลอะแบบกระจัดกระจาย ถ้าเลอะแบบเบลอหาโฟกัสสีไม่ได้ก็จะเป็นที่ Conevertgent แต่ถ้าเลอะแบบกระจัดกระจายก็มักจะเกิดจาก Degaussing เสียหรือไม่ทำงาน ทดสอบง่ายๆครับคือลองปิดจอแล้วเปิดใหม่จะมีเสียงดัง หึ่ง หรือไม่ก็ เลือกเมนู Degaussจากเมนูของจอ Monitor แล้วกดดู ถ้าเกิดการสั่นของจอภาพแล้วอาการสีเลอะหายไปก็แสดงว่า Degauss ไม่เสีย แต่ถ้าภาพไม่สั่นก็แสดงว่าเสีย แต่ถ้าภาพสั่นแล้วไม่หาย ก็ต้องหาที่ล้างสนามแม่เหล็กมาล้างจอครับ นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีอีกหลายสาเหตุครับเช่นเราตั้งจอไว้ใกล้กับแหล่งสนามแม่เหล็ก หรือ ตัดกับสนามแม่เหล็กโลกครับ ก็แก้ไขได้ง่ายๆ ก็คือลองหันจอไปมาแล้วดูว่าหายมั้ยถ้าดีขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงก็ให้หาที่ตั้งจอใหม่ครับ

- ภาพเบลอ
อาการ นี้เกิดจากชุดโฟกัสของ FBT โดยตรงเลยครับถ้าเบลอนิดหน่อยโดยปกติแล้วสามารถปรับ โฟกัสได้แต่ถ้าเบลอมากหรือเปิดสักพักแล้วเบลออันนี้ต้องเปลี่ยน FBT ครับแต่ถ้างบน้อยไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้โดยหา FBT เก่าที่เสียแล้วแต่ในส่วนของโฟกัส และ ไฟScreen ยังใช้งานได้อยู่มาต่อขนานกับ FBT ตัวที่เบลอโดยเอาแต่ชุดโฟกัสและ สกรีน ของFBT อีกตัวมาใช้ ส่วนวงจร Highvolt และระบบ สวิทชิ่งก็ยังคงใช้ตัวเก่าที่เบลออยู่เหมือนเดิมวิธีนี้ประหยัดมากเลยครับ แต่อาจจะต้องใช้ทักษะและประสบการณ์สักหน่อยนะครับเพราะว่าอันตรายมาก 

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ซอฟแวร์ด้านอินเทอร์เน็ต

ดาวน์โหลด cFosSpeed โปรแกรมเร่งความเร็วอินเทอร์เน็ต

cFosSpeed โปรแกรมเร่งความเร็วอินเทอร์เน็ต  

โปรแกรมเร่งความเร็วเน็ต cFosSpeed 10.04 Build 2195 รุ่นล่าสุด โปรแกรมที่จะมาเพิ่มความเร็วให้กับอินเทอร์เน็ตของคุณเร็วสปีดกว่าที่เป็นอยู่ โดยซอฟต์แวร์นี้เป็นเหมือนเครื่องมือในการเข้าไปปรับแต่งค่าที่เหมาะสมต่าง ๆ ให้กับอินเทอร์เน็ตคุณรวมไปถึงการตั้งค่าโมเด็มและอื่น ๆ ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น cFosSpeed โปรแกรมยอดนิยมอีกตัวของนักท่องเน็ตมีประสิทธิภาพในการเร่งความเร็วอินเทอร์เน็ต ปรับแต่งโมเด็มให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ การติดตั้งและการใช้งานไม่มีอะไรมากติดตั้งและใช้ได้เลยโปรแกรมจะทำการตั้งค่าที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ แล้วเน็ตคุณจะแรงได้แบบเต็มเหวี่ยง ดาวน์โหลดไปลองกันได้เลย
ดาวน์โหลด iTunes ดูหนัง ฟังเพลง ดาวน์โหลดความบันเทิงบนโลกออนไลน์ได้ง่ายๆ

iTunes ดูหนัง ฟังเพลง ดาวน์โหลดความบันเทิงบนโลกออนไลน์ได้ง่ายๆ  

ดาวน์โหลดโปรแกรม iTune รุ่นล่าสุด iTunes 11.4 โปรแกรมเด็ดจากค่าย Apple สำหรับเชื่อมต่อกับความบันเทิงทุกรูปแบบรุ่นนี้สำหรับผู้ใช้งาน Windows ดาวน์โหลดไปใช้งานกันฟรี ๆ ได้เลยกับโปรแกรม iTunes เป็นโปรแกรมที่สามารถจัดการเรื่องความบันเทิงไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง และความบันเทิงอื่น ๆ รวมไปถึงการเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ และความบันเทิง อื่นๆ เช่น เกมส์ แอพลิเคชั่นต่าง ๆ เรียกได้ว่ามีโปรแกรมนี้คุ้มแถมยังให้ดาวน์โหลดใช้งานกันฟรี ๆ อีกต่างหาก
ดาวน์โหลด FrostWire โปรแกรมแบ่งปันไฟล์ ดาวน์โหลดไฟล์ออนไลน์

FrostWire โปรแกรมแบ่งปันไฟล์ ดาวน์โหลดไฟล์ออนไลน์  

โปรแกรมแชร์ไฟล์ออนไลน์​ FrostWire 5.7.6 รุ่นล่าสุด เครื่องมือในการแบ่งปันไฟล์ออนไลน์ รองรับการดาวน์โหลดที่ความเร็วสูงสุดของการเชื่อมต่อ สำหรับโปรแกรม FrostWire นี้คือเครื่องมือในการแชร์ไฟล์และดาวน์โหลดไฟล์แบบ peer-to-peer ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการแบ่งปันไฟล์ที่ได้รับความนิยมเนื่องจากคุณสามารถที่จะแชร์ไฟล์ขนาดเท่าไหร่ก็ได้ไม่จำกัดให้เพื่อน ๆ ดาวน์โหลดและแชร์ต่อ ๆ กันได้ทันที เป็นโปรแกรมที่ทำงานมีประสิทธิภาพ แถมยังให้เราดาวน์โหลดไปใช้งานกันฟรี ๆ อีกด้วย
ดาวน์โหลด Wifi Password Revealer โปรแกรมดูรหัสผ่าน Wif-Fi ในเครื่อง

Wifi Password Revealer โปรแกรมดูรหัสผ่าน Wif-Fi ในเครื่อง  

ดูรหัสผ่าน Wi-Fi Wifi Password Revealer 1.0.0.7 รุ่นล่าสุด สำหรับโปรแกรม Wifi Password Revealer เป็นโปรแกรมไว้ในการกู้คืนหรือไว้ตรวจสอบรหัสผ่านไวไฟสำหรับคนที่ชอบลืมรหัสผ่านอยู่บ่อย ๆ โปรแกรมนี้ไม่ใช้เครื่องมือในการดูรหัสผ่านไวไฟของคนอื่น ๆ ที่มีอยู่ทั่วไป แต่เป็นเครื่องมือไว้ดูรหัสผ่านไวไฟที่เราเคยใช้งาน แต่เราลิมมันไปแล้วโดยโปรแกรมจะทำการถอดรหัสไวไฟออกมาให้เรา เหมาะสำหรับผู้ที่ลิมรหัสผ่านเป็นประจำหรือใช้ไวไฟในหลาย ๆ เครือข่ายเลยทำให้ไม่สามารถจำรหัสผ่านต่าง ๆ ได้หมด
ดาวน์โหลด Dropbox เก็บไฟล์ แชร์ไฟล์ส่วนตัวออนไลน์ฟรี

Dropbox เก็บไฟล์ แชร์ไฟล์ส่วนตัวออนไลน์ฟรี  

เก็บไฟล์ แชร์ไฟล์ออนไลน์ Dropbox 2.10.1 รุ่นล่าสุด พื้นที่สำหรับการเก็บไฟล์ แชร์ไฟล์ แบ่งปันไฟล์ออนไลน์อย่างปลอดภัย ให้คุณมีพื้นที่ในการเก็บไฟล์ออนไลน์ฟรี ๆ อัพเดท Dropbox โปรแกรมสำหรับคนที่ต้องการแชร์ไฟล์ แบ่งปันไฟล์ ออนไลน์ Dropbox ถือได้ว่าเป็นพิ้นที่ฝากไฟล์ที่น่าเชื่อถือได้และปลอดภัยแถมยังมีพื้นที่มากมายคิดว่าเพียงพอสำหรับการฝากไฟล์ออนไลน์ทั่ว ๆ ไป เราสามารถเปิดสิทธิ์ให้เพื่อน ๆ เข้าถืงไฟล์ของคุณได้โดยการตั้งค่าของคุณเอง ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีได้เลย






 



ซอฟแวร์ที่จำเป็นสำหรับใช้งานบนระบบอินเตอร์เน็ต

ซอฟแวร์ที่จำเป็นสำหรับใช้งานบนระบบอินเตอร์เน็ต
1.โปรแกรมระบบปฎิบัติการ(Operating System)เป็นโปรแกรมที่สำ
คัญมากสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง เพราะจะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง ให้ทำงานอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยเป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ปัจจุบัน โปรแกรมระบบปฏิบัติที่นิยมใช้ได้แก่ Microsoft Windows ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตั้งแต่ Windows 95, Windows 98, Windows ME และ Windows XP หรือซอฟท์แวร์ประเภท Shareware เช่น Linux ก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน
2. โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ (Web Browser) ถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการเรียกดูข้อมูลผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ จะทำหน้าที่ในการแปลภาษาที่ใช้เขียนเว็บไซต์ ซึ่งได้แก่ภาษา HTML และ JAVA มาแสดงผลที่จอภาพได้ ให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต สามารถดูข้อมูลในรูปข้อความ และกราฟฟิก ได้ ปัจจุบันมีโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ (Web Browser) มากมายที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตสามารถเลือกใช้ได้ เช่น Internet Explorer, Netscape Communicator, Opera, MSN Browser, Neo Planet เป็นต้น
3. โปรแกรมรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) โปรแกรมรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) เป็นโปรแกรมที่ใช้งานสำหรับการส่งจดหมายทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่ให้บริการฟรี โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมเหล่านี้ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ของตนเอง เพียงแต่เข้าไปใช้บริการผ่านเว็บไซต์เหล่านั้นก็จะสามารถส่งจดหมายได้แล้ว อย่างไรก็ตาม การใช้บริการรับส่งจดหมายของบางหน่วยงานที่มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง แล้วให้พนักงานรับส่งจดหมายผ่านเว็บไซต์ของหน่วยงาน แต่ไม่มีบริการของโปรแกรมรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ในเว็บไซต์ ก็ต้องติดตั้งโปรแกรมรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไว้ที่คอมพิวเตอร์ของตนโดยเฉพาะ แล้วรับส่งจดหมายโดยผ่านโปรแกรมเหล่านั้น ซึ่งได้แก่ Microsoft Outlook, Microsoft Exchange และ Eudora เป็นต้น
4. โปรแกรมสำหรับการสื่อสารบนอินเตอร์เน็ต เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งการติดต่อสื่อสารอาจเป็นในรูปแบบของการพิมพ์ข้อความคุยโต้ตอบกัน (Chat ) หรือพูดคุยกันโดยผ่านไมโครโฟนที่ติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันการติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตก้าวหน้าไปมาก ทำให้สามารถให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตสามารถเห็นหน้าระหว่างพูดคุยกันได้ ซึ่งเรียกว่า Video Conference โปรแกรมที่ใช้สำหรับการสื่อสารเหล่านี้ ได้แก่ Microsoft Chat, ICQ, MSN Messenger, Pirch, Mirc, Yahoo Messenger เป็นต้น
5. โปรแกรมมัลติมีเดียบนอินเตอร์เน็ต ปัจจุบันการใช้งานบนอินเตอร์เน็ตสามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งภาพและเสียง รวมทั้งภาพเคลื่อนไหว ดังนั้น เครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะใช้งานอินเตอร์เน็ตจึงต้องติดตั้งโปรแกรมประเภทนี้ไว้ เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลประเภทมัลติมิเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรมเหล่านี้ได้แก่ Real Audio, Real Video, Windows Media Player เป็นต้น


ซาฟารี (Safari) คือเว็บเบราว์เซอร์ที่พัฒนาโดยบริษัทแอปเปิล คอมพิวเตอร์ สำหรับเครื่องแมคอินทอช โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Mac OS X รุ่น 10.3 เป็นต้นไป และสตีฟ จอบส์ ได้ประกาศในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2550เปิดตัวซาฟารีสำหรับวินโดวส์
หน้าตาของซาฟารีมีลักษณะสีเงินวาว (brush metal) เหมือนกับลักษณะของ ซอฟต์แวร์เล่นเพลง ไอทูนส์ ซาฟารีรุ่นที่สองเรียกว่า Safari RSS ใช้ได้กับ Mac OS X รุ่น 10.4 ขึ้นไป

ซาฟารี ใช้ตัววาดหน้าเว็บชื่อ WebCore ซึ่งพัฒนามาจากตัววาดหน้าเว็บชื่อเว็บคิต ที่พัฒนาต่อมาจาก KHTML ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการซอฟต์แวร์เสรีKDE
คองเคอเรอร์ (Konqueror) เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ใช้ได้ในระบบปฏิบัติการลินุกซ์ วินโดวส์ และ แมคโอเอส ทีมี KDE เป็นสภาวะการทำงานแบบเดสก์ท็อป

กูเกิล โครม (อังกฤษGoogle Chrome) เป็นซอฟต์แวร์เว็บเบราว์เซอร์แบบโอเพนซอร์ซ พัฒนาโดยกูเกิล ใช้เว็บคิตเป็นเรนเดอริงเอนจินสำหรับวาดหน้าจอ และนำบางส่วนจากเว็บเบราว์เซอร์ไฟร์ฟอกซ์มาพัฒนาต่อ
โครมมีให้ดาวน์โหลดเพื่อทดสอบใช้งานสำหรับวินโดวส์ และมีภาษาที่ให้ใช้ได้มากกว่า 50 ภาษารวมถึงภาษาไทย รุ่นสำหรับ แมคโอเอส และ ลินุกซ์ นั้นกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะเปิดให้ทดสอบในอนาคต
โครมเป็นตัวพัฒนาจากโค้ดของซอฟต์แวร์ โครเมียม ซึ่งใช้สัญลักษณ์เดียวกัน แต่คนละสี
                                           
โอเปร่า (Opera) คือชื่อซอฟต์แวร์ ที่รวมเว็บเบราว์เซอร์และโปรแกรมสำหรับใช้งานอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ พัฒนาโดยบริษัทโอเปร่า ประเทศนอร์เวย์ ในปัจจุบันโอเปร่าเป็นผู้นำในตลาดเว็บเบราว์เซอร์สำหรับโทรศัพท์มือถือ และพีดีเอนอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ในระบบโทรทัศน์ที่มีการโต้ตอบระหว่างผู้ชม (interactive television, iTV) ในบางประเทศ เมื่อไม่นานนี้ บริษัทโอเปร่าได้ร่วมมือกับบริษัทอะโดบีซิสเต็มส์ ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ด้านการสร้างสรรค์สื่อ เพื่อรวมโอเปร่ากับโปรแกรมในชุด อะโดบีครีเอทีฟสวีท
และเมื่อ 20 กันยายน 2548ทาง opera (Opera Software ASA) ได้เปิดให้ opera browser (เวอร์ชันสำหรับ desktop) เป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถโหลดใช้งานได้ฟรี และไม่มี Ad Banner ใด ๆ ในตัวโปรแกรม สามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบ
                                             ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โอเปร่า เบราเซอร์
แมกซ์ทอน (Maxthon: ['mækstən] th อ่านเป็น t) เดิมชื่อ มายไออี2 (MyIE2) เป็นเว็บเบราว์เซอร์ของจีนประเภทฟรีแวร์ หรือระบุให้เจาะจงคือซอฟต์แวร์รับบริจาค(donateware) เริ่มต้นพัฒนาโดยชาวจีนชื่อ ช่างโหยว (畅游 Chàngyóu) ปัจจุบันแมกซ์ทอนพัฒนาถึงรุ่นที่ 2 เบตา แมกซ์ทอนใช้ตัววาดหน้าเว็บ Trident เหมือนอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเปลี่ยนไปใช้ตัววาดหน้าเว็บ Gecko ที่ใช้ในไฟร์ฟอกซ์ได้เช่นกัน
แมกซ์ทอนเป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองในประเทศจีน และมีการดาวน์โหลดไปใช้งานมากกว่า 85.8 ล้านครั้ง
                                                  Maxthonlogo.png

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หลักการซ่อมซีดี ดีวีดี

ซ่อมเครื่องเล่น DVD Ninetech ไม่อ่านแผ่น

ซ่อมเครื่องเล่น ดีวีดี อาการคือไม่อ่านแผ่น หรือใส่แผ่นไปบางทีก็เด้งออกมา จากการที่ได้ซ่อม dvd มาหลายเครื่อง ส่วนใหญ่มอเตอร์ไดร์แผ่นจะเสีย อย่าให้เสียเวลามาซ่อมกันเลย

ขั้นตอนตรวจซ่อม
1.ถอดฝาครอบเครื่องออก ตรวจเช็คหลักการทำงานเบื้องต้นก่อนคือ ถ้าเรากดแผ่นเข้าไป ไฟแดงหัวอ่านจะต้องสว่าง และมอเตอร์หมุนแผ่นต้องหมุนประมาณ 1-2วินาที นั้นคือปกติ แต่สำหรับเครื่องนี้ พอกดแผ่นเข้าไป หัวอ่านมีไฟแดงปกติแต่ มอเตอร์ไม่หมุน นั้นหมายถึงว่ามอเตอร์มีโอกาสเสีย 90%

2.ถอดมอเตอร์ไดร์แผ่นออกมาตรวจเช็ค โดยการใช้ถ่านไฟฉาย2ก้อน ทดสอบการหมุนถ้าหมุนช้าหรือไม่หมุน แสดงว่าเสีย และใช้มิเตอร์เข็มทดสอบได้เหมือนกัน คือตั้งไปที่วัดความต้านทาน RX1 แล้วเอาเข็มไปจิ้มสายมอเตอร์ ถ้ามอเตอร์หมุนก็แสดงว่าปกติ ถ้าไม่หมุนก็เสียครับ และจากการทดสอบด้วยมิเตอร์แล้ว มอเตอร์ไดร์แผ่นไม่หมุน ก็หมายถึงเสีย ไปซื้อมาใหม่ตัวละ 35 บาท 3ตัว 100บาท

3.ทดสอบการทำงานอีกครั้ง หลังจากเปลี่ยนมอเตอร์ไดร์แผ่น ไฟหัวอ่านปกติ มอเตอร์ไดร์แผ่นหมุนปกติ นั้นหมายถึงเครื่องทำงานแล้ว

4.แต่จากการที่ได้ซ่อม DVD หรือเครื่องเล่นแผ่นอื่นๆ ผมจะต้องสำรวจทุกครั้งว่าบอร์ดมีไอซีหลัก ติดซิ๊งค์แล้วหรือยัง ถ้ายังก็จะติดให้ไปเพื่อนอายุการใช้งานจะนานขึ้น จากรูปไอซีตัวใหญ่คือตัวคุมทั้งหมด ทั้งภาพและเสียงจึงร้อนทุกเครื่อง ส่วนตัวเล็กจะเป็นไอซีไดร์มอเตอร์ ตัวนี้ก็ร้อนเหมือนกัน


5.ประกอบเครื่องเทสการทำงานอีกครั้ง เครื่องสามารถทำงานได้ปกติ เครื่องเล่น DVD VCD ทั่วไปซ่อมง่ายครับ แต่ว่าถ้าเป็นพวกมินิคอมโป หรือเครื่องเสียงที่มีหลายๆอย่างอยู่ในเครื่องเดียวกันผมต้องขอผ่านครับ เพราะว่าต้องใช้เวลาในการซ่อมนานมาก แต่ถ้าเป็นเครื่องเดี่ยวๆอย่างนี้ กินหมู  ^_^



เป็นบอร์ดรุ่นใหม่ๆๆของเครื่องเล่น DVD ที่มีปัญหาค่อนข้างมากเลยทีเดียวครับ... สาเหตุคือ เรื่องของความร้อนในตัวของบอร์ดเอง มีความร้อนค่อนข้างสูง....ทำให้การทำงานนั้นได้...แต่ความคงทนนั้นแทบจะจะไม่มีเลยก็

ว่าได้.....เป็นบอร์ดเล็กๆๆนะครับ..ในส่วนของ IC ที่นำเข้ามาควบคุมการทำงานและทำหน้าที่เป็นในส่วนของ CPU MPEG นั้น จะมีอยู่ 2 ค่ายครับ ที่เราเห็นกันอยู่แทบทุกตัวเลย นั่นคือ 

1. SPHE8202 
2. MT 1389 
การตรวจสอบนั้นทำได้และมีขั้นตอนเหมือนกันครับในการจัดการและวัดไฟส่วนต่างๆ ซึ่งมีวิธีการจัดการและขั้นตอนอย่างไร
สำหรับอาการเปิดไม่ติดนี้..เราสามารถที่จะสังเกตุได้ว่า..ในส่วนของภาคจ่ายไฟนั้นสมบ

ูรณ์..หรือไม่..ซึ่งการสังนั้น สังเกตุได้ง่ายๆๆคือ..ส่วนใหญ่แล้วเครื่องเล่น DVD ของจีนนั้น มักใส่ในส่วนของหลอด LED ทำเป็นไฟส่องหลัง หรือ เราเรียกว่า Backlight นั่นเอง..จะตองติดและเห็นแสงได้...จุดนี้เองจะเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดีเหมือนกันครับ

ว่า...ภาคจ่ายไฟนั้น ได้ถูกจ่ายไฟออกมาแล้วแต่จะสมบูรณ์หรือไม่นั้นก็ต้องมาพิสูจน์และตรวจสอบวัดดูอีกทีห

นึ่งครับ...
ไฟที่ ส่งออกมาจาก ภาคจ่ายไฟ ที่ส่งมาที่บอร์ด นั้น...มีอยู่ไม่กี่ชุดนะครับ..คือ
1. ไฟ+ 5 Volt 
2. GND กราวด์
3. +- 8 ถึง +12 Volt ส่วนนี้จะส่งไปเลี้ยงในส่วนของ Ic OP-AMp เท่านั้น....

แต่ก็จะมีหลายรุ่นเหมือนกันที่ใช้ไฟแค่ชุดเดียวครับ โดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆๆนั้น...ก็จะใช้ไฟเข้ามาแค่ + 5 Volt เท่านั้นเอง.... 

บอร์ด ของ LEONA ใช้ MT1389 ครับ...จุดตำแหน่งต่างๆๆ 
1. CPU MPEG MPEG DECODER
2. SDRAM 
3. วงจร RESET
4. EPPROM SPI Flash 
5. วงจร จ่ายไฟ ชุด +3.3 และ + 1.8 
6. IC DRIVE SERVO

ทั้งหมด 6 จุดที่ได้นำเสนอให้ครับเพื่อรับทราบพิกัดที่ชัดเจน 



1. การตรวจสอบในส่วนของแรงไฟ +3.3 และ +1.8 Volt

การจัดการนั้น โดยการนำแรงไฟ +5 Volt ส่งเข้าสู่วงจรที่จะทำหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงแรงไฟ จาก +5 Volt ให้เป็น +3.3 และ 1.8 โดยจะอาศัย ทรานซิสเตอร์ ในการการจัดการ...และควบคุมการทำงานโดย IC DRIVE เป็นตัวควบคุมในการจ่ายแรงไฟ +3.3 และ +1.8 เมื่อเราทราบเหตุผลตรงนี้แล้วก็หวังว่าเพื่อนสมาชิก คงจะจัดการจุดนี้ได้ไม่ยากแล้วครับ..

การจัดการจุดนี้ มี 2 รูปแบบด้วยกันคือ 
1. ใช้ IC ในการจ่ายไฟ ตามภาพ ตัวนี้ง่ายมากในการตรวจสอบ ไม่ค่อยมีปัญหากับจุดนี้
2. ใช้ทรานซิสเตอร์ ในการจ่ายไฟ ซึ่งนิยมใช้มากในตอนนี้ ถูก แต่มีปัญหาง่ายกับการทำงานตรงนี้...

แรงไฟทั้งสองจุดนี้ต้องได้ ถ้ามีปัญหาเส้นใดเส้นหนึ่ง หรือทั้ง 2 เส้น เปิดไม่ติดแน่นอนครับ.... 


การตรวจสอบ ว่าจะเข้าไปตรวจวัดแรงไฟที่ว่า จุดใหนนั้น...สามารถตรวจสอบและวัดได้หลายๆๆจุดครับ เช่น 

+3.3 Volt วัดที่ตำแหน่งของขาต่างๆๆดังนี้ 

ที่ขา 1 ของ IC SDRAM 
ที่ขา 8 ของ IC SPI FLASH
ถ้าจุดนี้ได้จุดอื่นต้องได้ด้วยเช่นกันครับ ถ้าไม่เลวร้ายเกินไป.......

ส่วนแรงไฟ + 1.8 Volt สามารถตรวจสอบได้ที่ตำแหน่ง IC จ่ายไฟ 1.8 หรือไม่ก็ไปวัดแถวๆๆ IC MPEG ครับ รอบๆๆ IC จะมี C ชิพ ลงกราวด์อยู่มากมายสามารถตรวจสอบได้ครับ..... 



การตรวจสอบการทำงานของวงจร RESET

การทำงานของวงจรชุดนี้เหมือนเดิมครับกับเครื่องเล่น VCD DVD รุ่นแรกๆๆ ซึ่งปกติการทำงานนั้น แรงไฟที่จุด RESET ต้องเป็น H คือ มีไฟ +3.2 นั่นเอง ถ้าตรวจสอบแล้วไฟจุดนี้ไม่ได้ ต้องดูและตรวจสอบครับว่าส่วนใดที่เป็นปัญหา...
การตรวจสอบสามารถวัดได้ 2 คือ วัดแรงไฟที่ขา B ของทรานซิสเตอร์ที่ทำหน้าเป็น RESET SW จากนั้นทำการ ออนเครื่อง สังเกตุแรงไฟจะดีดขึ้นมาแว๊ปหนึ่งจากนั้นก็จะกลับเป็น 0 เหมือนเดิม ถือว่าจุดนี้ปกติแล้วครับ..จากวัดไฟที่จุดเดิมและทำการปิดเครื่อง สังเกตุแรงไฟจะติดลบเล็กน้อย...ถ้าได้แบบนี้แสดงว่าจุดนี้ OK แล้ว จากนั้น ไปวัดไฟที่ขา C จะต้องมีไฟ = +3.2 Volt ดดยประมาณ
การตรวจสอบระบบ OSC 27MHz

ในส่วนของความถี่ที่ใช้.ยังคงเดิมเป็นมาตรฐานการเข้ารหัส เป็นความถี่หลักที่เกิดขึ้นมาเพื่อส่งให้กับระบบการทำงานของซิสเต็ม และ MPEG Dec ... กำเนิดขึ้นมาที่ 27 MHz เหมือนเดิมครับ ....สำหรับการตรวจสอบจุดนี้ ทำได้ไม่ยาก และมีวิธีจัดการได้ 2 แบบด้วยกันคือ การตรวจวัดด้วยมิเตอร์ นั่นหมายความว่าตรวจวัดแรงไฟ ว่าไฟจุดนี้ปกติหรือไม่...แต่จุดนี้เองก็จะสามารถบ่งบอกได้ในระดับหนึ่งว่าในส่วนของ

แรงไฟที่วัดได้ ปกติหรือไม่....แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ก็ต้องตามด้วยการตรวจวัดสัญญาณด้วยสโคป ตรงนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า ในส่วนของระบบตรงนี้พร้อมแล้ว..... 
แรงไฟจุดนี้ปกติทั่วไปก็จะต้องได้ประมาณ 0.8 Volt โดยประมาณ หรือว่า สูงกว่าหรือต่ำกว่าเล็กน้อย.... ในส่วนของสโคปก็เชื่อว่าหลายๆๆท่านที่มีสโคปอยู่ในมือ ก็คงจะทราบกันดีว่าจะต้องตั้งในส่วนของ TIME/DIV ไปที่ตำแหน่งอะไร และVOLT/DIV ไปที่เท่าไหร่...ซึ่ง ณ.ตอนนี้ในส่วนของจุดนี้ ยังไม่ประสบกับปัญหา ...เพราะว่าในส่วนของเครื่องยังใหม่อยู่หรือเปล่า ...ก็ไม่ทราบได้ เสียหายไม่ทัน อย่างอื่นเสียไปก่อน.....ตรงนี้ก็คิดกันไป
ระบบการเชื่อมโยงข้อมูล
3 จุดที่กล่าวมานั้น...ในการจัดการและการตรวจสอบทำได้ไม่ยากมากนักครับ... เราสามารถที่จะจัดการได้ ซึ่งที่ว่ามานั้นกล่าวคือ สามารถที่จะวัดออกมาและได้เห็นเป็นรูปธรรมครับ ....แต่ส่วนและขั้นตอนต่อไปจุดนี้เองเป็นปัญหาค่อนข้างมากกับการจัดการส่วนนี้ วึ่งถ้าหากว่า ในส่วนของระบบตรงนี้เกิดปัญหาทุกอย่างมันจะสงบ และการตรวจสอบในส่วนของคำสั่งต่างๆๆนั้นกระทำได้ค่อนข้างยากพอสมควร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบและการกำหนดในส่วนของ Software ของแต่ละค่ายครับ....
ระบบการเชื่อมโยงข้อมูล ส่วนนี้สำคัญมาก และการตรวจสอบทำได้ยากพอสมควร...

สำหรับในส่วนของ IC ที่ทำหน้าที่เป็น อีพรอม หรือที่เราเรียกว่า FLASH นั้น ก็มีการพัฒนา มาใช้เป็นประเภท SPI ตัวเล็กลง มีขาการใช้งาน 8ขา ได้รับความนิยมมากในตอนนี้.. ต้นทุนราคาทุกอย่างก็ถูกลง ทำให้สินค้าเครื่องเล่นที่เราเห็นตามท้องตลาดทั่วๆไปนั้นราคาจะถูกมาก....
ขาการใช้งานมีขาอะไรบ้างเรามาดูตามถาพครับ
ขาที่ 1 CE ทำหน้าที่เป็นขาเชื่อมเปิดการใช้งาน
ขาที่ 2 DO ทำหน้าที่เป็นสัญญาณ DATA OUT
ขาที่ 3 WE ทำหน้าที่เป็น ขา อ่านและเขียนข้อมูล
ขาที่4 GND ............................
ขาที่ 5 DI ทำหน้าที่เป็นสัญญาณ DATA IN
ขาที่ 6 CLK ทำหน้าที่เป็นสัญญาณนาฬิกา 
ขาที่ 7 HOLD ทำหน้าที่เป็นขาตรวจสอบ
ขาที่8 VDD ทำหน้าที่เป็น ไฟเลี้ยง IC 
สำหรับการตรวจสอบจุดนี้อย่างที่กล่าวมา ทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือเรื่องการใช้ประสบการณ์ หรือไม่ก็ต้องลอง นั่นก็หมายความว่า การตรวจสอบทำมาหมดแล้ว ระบไฟทุกอย่างก็ดีแล้วได้แล้ว...เราก็ต้องมามองไปที่ IC FLASH ตัวนี้ครับ ครั้นจะไปตรวจสอบก็ลำบาก เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นครับที่จะต้องมีเครื่องมือที่จะทำการ FLASH หรือว่า ก้อปข้อมูล ใหม่... แต่สิ่งที่เราต้องระวังก็คือว่า..เราต้องมั่นใจว่า ตอนนี้เรามีข้อมูล Firmware ของรุ่นนี้อยู่ในมือ แต่ถ้าให้ปลอดภัยที่สุด ท่านจะต้องทำการ อ่านข้อมูล หรือว่า ดูดเก็บข้อมูลเดิมไว้ก่อน...จากนั้น ค่อยทำการ เขียนหรือว่าอัดข้อมูลใหม่ลงไป....ตรงนี้เองก้จะสามารถบอกและช่วยท่านได้ครับ..ว่า ในส่วนของข้อมูลเดิมนั้นเสียหายหรือไม่...ซึ่งถ้าเกิดอาการนี้แล้ว เมื่อเราได้ทำการตรวจสอบในส่วนของรายละเอียดและองค์ประกอบในการทำงานครบแล้ว เป็นไปได้สูงเลยทีเดียวครับที่ ในส่วนของ IC FLASH ตัวนี้เสีย..ซึ่งส่วนใหญ่ที่เจอก็มักจะเป็นเช่นนั้นจริงๆๆ...

อาการที่เกิดขึ้น มีอะไรบ้าง....
1. เปิดไม่ติด
2. เปิดติดแต่เครื่องไม่ทำงาน
3. เปิดติดทำงานได้ แต่โลโก้ออกมามั่ว ผิด ตามภาพ
4. เปิดติด แต่ NO DISC