วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หลักการซ่อมทีวีเบื้องต้น

 รวมการแก้ไขปัญหา อาการเสียของ ทีวี  
 

  อาการเสีย สาเหตุ วิธีแก้ไข 
1. เปิดไม่ติด ไม่มีภาพไม่มีเสียง 1.รีโมทอาจจะเสียไม่สามารถสั่งงานได้ 1.ให้ลองกดปุ่มเปลี่ยนช่องที่หน้าเครื่องดูว่าสามารถเปิดใช้งานได้หรือไม่ 
(มีไฟติดที่ตัวเครื่อง)   1.1 ถ้ายังใช้ไม่ได้ทีวีเสียครับ 
    1.2 ถ้าใช้งานได้ทีวีเปิดติด มีภาพมีเสียง ลองเช็คที่รีโมทโดยการนำรีโมทไปลองกับทีวีเครื่องอื่นดูครับ 
    1.3 ถ้าใช้งานกับทีวีเครื่องอื่นไม่ได้เหมือนกัน รีโมทเสียครับ 
      
  2. ตัวรับสัญญาณรีโมทที่ตัวเครื่องเสีย 2. ถ้าเปิดเครื่อง/เปลี่ยนช่อง ที่หน้าเครื่องได้ นำรีโมทไปลองกับทีวีเครื่องอื่นดูว่าสามารถสั่งงานได้ปกติไหม 
    2.1 ถ้าสั่งงานกับทีวีเครื่องอื่นได้ปกติ ทีวีเสียครับ 
      
2. เปิดไม่ติด ไม่มีภาพไม่มีเสียง 1.ปลั๊กเสีย/หลวม/ไม่มีไฟเข้า 1.ให้เช็คปลั๊กว่าแน่นดีไหม มีไฟปกติหรือไม่ลองหาอุปกรณ์อื่นมาเสียบปลั๊กเดียวกับทีวี 
(ไม่มีไฟติดที่ตัวเครื่อง)   1.1 ถ้าอุปกรณ์อื่นใช้งานได้ปกติ แสดงว่า ทีวีเสีย 
    1.2 ถ้าอุปกรณ์อื่นใช้งานไม่ได้เหมือนกัน ให้ ล/ค เช็คปลั๊กไฟครับ 
      
  2. สายไฟขาด/ไหม้ 2. เช็คสายไฟที่เสียบกับปลั๊กไฟบ้าน ว่ายังอยู่ในสภาพปกติหรือไม่ 
    2.1 สภาพไม่ปกติ(หนูกัด มีรอยไหม้) ให้เปลี่ยนสายไฟใหม่ (อยู่นอกเงื่อนไขการประกันครับ) 
    2.2 สภาพปกติ ให้เช็คตามหัวข้อ(1) 
      
3. ไม่มีภาพ มีแต่เสียง 1. ขึ้นอยู่กับสัญญาณที่ ล/ค ใช้งาน 1. เช็คสัญญาณที่ ล/ค ใช้งานว่าเป็นสัญญาณจากเสาอากาศ หรือ จาก UBC 
    1.1 ถ้าเป็นสัญญาณเสาอากาศ ลองเปลี่ยนช่องของทีวีดู ถ้าเปลี่ยนแล้ว เสียงเปลี่ยนตามแต่ยังไม่มีภาพเหมือนเดิม ทีวีเสียครับ 
    1.2 ถ้าเป็นสัญญาณ UBC ลองเช็คสายสัญญาณจากกล่อง UBC มาถึงทีวีว่ามีสายใดหลุดหรือไม่  
    1.2.1 ถ้าไม่มีสายใดหลุดเลย ลองนำทีวีเครื่องอื่นมาต่อที่จุดนี้เครื่องอื่นรับได้ปกติทั้งภาพและเสียง แสดงว่าทีวีเราเสีย 
    1.2.2 ถ้าสายหลุดให้เสียบสายเข้าที่เดิม แล้วลองใช้งานใหม่ครับ 
  2. ทีวีเสียเอง 2. ถ้า ล/ค มีต่อกับเครื่องเล่น DVD ไว้ด้วย แนะนำให้ลองเปิดเครื่องเล่น DVD ดูครับ ถ้าเป็นอาการเดียวกัน ทีวีเสีย 
      
4. มีแต่ภาพ ไม่มีเสียง 1. ขึ้นอยู่กับสัญญาณที่ ล/ค ใช้งาน 1. เช็คสัญญาณที่ ล/ค ใช้งานว่าเป็นสัญญาณจากเสาอากาศ หรือ จาก UBC 
    1.1 ถ้าเป็นสัญญาณเสาอากาศ ลองเปลี่ยนช่องของทีวีดู ถ้าเปลี่ยนแล้ว มีภาพแต่ไม่มีเสียง ให้เร่ง เสียงดูว่ามีตัวเลขขึ้นโชว์ระดับเสียง 
         แต่เสียงยังไม่มีทุกช่อง ทีวีเสียครับ 
    1.2 ถ้าเป็นสัญญาณ UBC ลองเช็คสายสัญญาณจากกล่อง UBC มาถึงทีวีว่ามีสายใดหลุดหรือไม่  
    1.2.1 ถ้าไม่มีสายใดหลุดเลย ลองนำทีวีเครื่องอื่นมาต่อที่จุดนี้ดูว่ามีภาพมีเสียงปกติไหม  
    1.2.2 ถ้าสายหลุดให้เสียบสายเข้าที่เดิม แล้วลองใช้งานใหม่ครับ 
    1.3 กล่อง UBC จะมีให้เร่งเสียงด้วยแนะนำให้ ล/ค เพิ่มเสียงของกล่อง UBC ครับถ้าเร่งจนสุดแล้วยังไม่มีเสียงดัง  
         ถ้านำเครื่องอื่นมาต่อดูรับได้ปกติทั้งภาพและเสียง แสดงว่าทีวีเราเสีย 
  2. ทีวีเสียเอง 2. ถ้า ล/ค มีต่อกับเครื่องเล่น DVD player ไว้ด้วย แนะนำให้ลองเปิดเครื่องเล่น DVD ดูครับ ถ้าเป็นอาการเดียวกัน ทีวีเสีย 
      
5. ภาพไม่ชัด 1. ขึ้นอยู่กับสัญญาณที่ ล/ค ใช้งาน 1. เช็คสัญญาณที่ ล/ค ใช้งานว่าเป็นสัญญาณจากเสาอากาศ หรือ จาก UBC 
    1.1 ถ้าเป็นสัญญาณเสาอากาศ ลองเปลี่ยนช่องอื่นดูว่าภาพไม่ชัดเหมือนกันไหม ถ้าบางช่องชัด บางช่องไม่ชัด แนะนำให้เช็คเสาอากาศ  
          หรือไม่ก็ให้ ลองนำทีวีเครื่องอื่นมาต่อจุดนี้ดูว่าเป็นอาการเดียวกันไหม ถ้าเครื่องอื่นชัดเจนทุกช่อง แสดงว่า ทีวีเสีย 
    1.2 ไม่ชัดทุกช่อง แนะนำให้ลองจูนทีวีใหม่อีกครั้ง ถ้าจูนแล้วยังไม่ชัด แนะนำให้นำทีวีอื่นมาต่อดูถ้าทีวีอื่นชัดปกติ แสดงว่า ทีวีเสีย 
  2. ทีวีเสียเอง 2. ถ้าเป็นสัญญาณ UBC ลองเช็คสายสัญญาณจากกล่อง UBC ครับ ว่าสัญญาณที่ใช้เป็น AV (3สาย)หรือ สัญญาณ RF(เส้นเดียว) 
    2.2.1 ถ้าเป็นสัญญาณ AV ให้ลองนำ DVD มาต่อที่ช่อง AV ที่ภาพไม่ชัด ถ้า DVD ชัดเจน ให้ ล/ค เช็คสัญญาณกับทาง UBC ดูครับ 
    2.2.2 ถ้าเป็นสัญญาณ RF(เส้นเดียว) แนะนำให้ลองจูนทีวีใหม่อีกครั้ง ถ้าจูนแล้วยังไม่ชัด ให้นำทีวีเครื่องอื่นมาต่อจุดนี้ ถ้าเครื่องอื่นชัด  
             แสดงว่า ทีวีเสีย  


การตรวจเช็คเบื้องต้น

 *อาการ  จอมืด ไม่มีเสียง เจ้าของเครื่องบอกว่าเปิดดูอยู่แล้วดับไป
  **แบบนี้ต้องเป็นที่ภาคจ่ายไฟครับที่เสีย การตรวจเช็คนั้นทำได้ดังนี้
  1) แน่นอนครับว่า ต้องเปิดฝาหลังเครื่องออกก่อนแน่นอนไม่งั้นคงไม่ได้ซ่อมกันเป็นแน่
  2) จากนั้นเอาแผ่นวงจรออกมา แล้วถอยสายไฟล้างจอออก ( สายดีเก๊าซิ่ง )
  3) ใช้มิเตอร์ปรับปุ่มไปที่ 1000 โวลท์ดีซี วัดที่คาปาซิเตอร์ตัวใหญ่ 400V ว่ามีไฟค้างอยู่หรือไม่
  หากมีก็ทำการคลายไฟออกไปก่อนนะครับ  ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่า หากเพาเวอร์เสียมันจะมี
  R ป้องกันนั้นขาดทันที ทำให้ไฟมันเก็บอยู่ที่ C ตัวนี้ มากถึง 300 V เลยทีเดียว หากไม่วัดดูและไม่คลายไฟออกก่อน
  คุณอาจจะเสียมิเตอร์ไปโดยไม่รู้ตัว

  4 ) หลังจากนั้นคุณก็เปลี่ยนปุ่มมิเตอร์ไปที่ RX1 โอมห์ วัดที่ C ตัวนั้นอีกทีโดยการวัด สองครั้งคือวัดสลับขั้วไปมา
   ผลที่ออกมา  ขึ้นครั้งไม่ขึ้นครั้ง  ชุดเรกติฟายไม่เสีย
   ผลที่ออกมา  ขึ้นทั้งสองครั้ง    ชุดเรกติฟายเสีย  ทรานซีสเตอร์เพาเวอร์เสีย


 *อาการ  จอมืด  ไฟจ่าย มีเสียงดังจี๊ด
  **แบบนี้ก็ต้องชี้ไปที่การเสียของภาคฮอริซอลตอลกันเลยครับ
  1 ) ไม่ต้องรีรอครับ จับมิเตอร์มาตั้งปุ่มไปที่ RX1 โอมห์ วัดไปที่ C เรกติฟายไฟ B+ โดยการวัดสลับขั้วไปมา
   ผลที่ออกมา  ขึ้นครั้งไม่ขึ้นครั้ง  ฟายแบคเสีย หรือช็อตใน
   ผลที่ออกมา  ขึ้นทั้งสองครั้ง    ทรานซิสเตอร์ ฮอเอ้าเสีย  แต่ก่อนเปลี่ยนลองลอยขา C ของฮอเอาท์ออกและลอยขา B+ ของ
ฟลายแบคออก แล้ววัดที่ C เรคติฟายแบบสลับไปมาอีกครั้งก่อนครับ
   ผลที่ออกมา  ขึ้นครั้งไม่ขึ้นครั้ง  เรคติฟายไม่เสีย ตัวเสียคือฮอเอาท์หรือฟายแบค
   ผลที่ออกมา  ขึ้นทั้งสองครั้ง  C เรคติฟาย หรือ ไดโอดเรคติฟายเสีย แต่บางเครื่องมี R2M เป็นซีเนอร์ไดโอด ช๊อต ที่ช๊อตส่วนมากๆเลยมาจากไฟ B+ จ่ายมาเกิน ฉนั้นเวลาซ่อมภาคฮอ ควรที่จะตรวจแรงไฟ B+ ก่อนที่จะเปลี่ยนฮอตัวใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น